ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก 2013

ทัศนศึกษา ณ "สวนงู สถานเสาวภา สภากาชาดไทย"

เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2556 นิสิตเอกเทคโนโลยีสื่อสารการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์  ได้มีโอกาสไปทัศนศึกษา ณ สวนงู สถานเสาวภา สภากาชาดไทย โดยเป็นกิจกรรมหนึ่งในรายวิชา FIELD STUDY ซึ่งการศึกษาในรายวิชานี้จะช่วยให้นิสิตได้เกิดกระบวนการเรียนรู้ที่หลากหลาย และทักษะในการทำงานร่วมกันเป็นทีม เพราะในการไปทัศนศึกษานั้นนิสิตจะเป็นผู้จัดการ  ประสานงาน และวางแผนงานเองทุกขั้นตอน  ในภาคการศึกษาที่ 2 ปี 2556 นี้ นิสิตของวิชาเอกเราได้จัดแบ่งกลุ่มออกเป็น 4 กลุ่ม  และจัดการทัศนศึกษาจำนวน 4 แห่ง โดยแห่งแรกที่พวกเราได้ไปทัศนศึกษากัน คือ  สวนงู สถานเสาวภา สภากาชาดไทย  ผู้เขียนจึงได้นำภาพการไปทัศนศึกษาครั้ง นี้ มาให้ชมกันว่าจะสนุกสนานและน่าตื่นเต้นเพียงใด   วันนั้นเพื่อนๆ นัดกันประมาณ 8 โมงเช้าได้  จากภาพ ขณะเดินเท้าจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินสามย่านไปยังสวนงู แสงแดดยามเช้าช่างอบอุ่น สองสาวแวะถ่ายภาพกัน ณ หน้าสภากาชาด (ทริปนี้สองคนนี้มีหลายภาพมาก เพราะผู้เขียนเดินตามหลังสองคนนี้ตลอด ฮ่าๆๆๆ) เพื่อนๆ ที่เดินทางมาถึงก่อนแล้วกำลังลงทะเบียน เมื่อลงท...

ความรู้สึก..."เท่าที่มี"

ลืมจริงจังว่ายังเหลือบล๊อกที่ต้องถ่ายทอดอีกหนึ่งเรื่อง "งานนิทรรศการ TECHNO SHOWCASE"  หากจะให้พูดรายละเอียดเกี่ยวกับงานนิทรรศการดังกล่าว อยากจะให้ท่านผู้อ่านลองค้นหาคำว่า "งานนิทรรศการ TECHNO SHOWCASE" อาจจะปรากฏขึ้นมามากพอสมควรเพราะมีเพื่อนหลายคนได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับงานนี้ไว้  แต่ในส่วนของความรู้สึกในฐานะทีมงานที่จัดงานนี้ขึ้นมา ต้องขอบอกว่าเราได้เรียนรู้อะไรจากงานนี้มาก ทั้งในส่วนของการวางแผน การประชุมงาน การเตรียมงาน การดำเนินการต่างๆ จนประสบความสำเร็จและผ่านพ้นไปได้ด้วยดี สิ่งหนึ่งที่เราเห็นคือ ความทุ่มเทของทุกคน การทำงานครั้งนี้จะประสบความสำเร็จไม่ได้หากปราศจากพลังกายพลังใจของเพื่อนๆ ทุกคน ในระหว่างการทำงานเราอาจจะพบข้อผิดพลาดบ้าง แต่ทุกอย่างเราสามารถแก้ไขได้โดยการร่วมมือกัน ฝึกให้เรามีทักษะในการทำงานที่มากกว่านั่งเรียนในห้องเรียน เราได้ลงมือปฏิบัติจริงๆ รู้จักอดทนและมีความรับผิดชอบต่อส่วนรวม  ณ ขณะนี้มีเพียงความทรงจำที่ดีที่ได้ร่วมงานกับเพื่อนทุกคน อยากจะขอบคุณทุกคน ขอบคุณท่านอาจารย์ทุกท่าน ที่สำคัญคือท่านอาจารย์ผู้รึเริ่มงานนี้ขึ้น เป็นครั้ง...

ศึกษาเรียนรู้จากนิทรรศการ

ศูนย์ศิลปาชีพ บางไทร - แหล่งเรียนรู้ศิลปะและวัฒนธรรมไทย (ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ) วีดิทัศน์เกี่ยวกับศูนย์ศิลปาชีพบางไทร  จัดทำโดย นิสิตภาควิชาเทคโนโลยีทางการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ศูนย์ศิลปาชีพ บางไทรฯ ดำเนินงานตามพระราชประสงค์ของ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในโครงการศิลปาชีพ โดยจัดให้มีการฝึกอบรมบรรดาบุตรหลานเกษตรกรของชาวไร่ชาวนาผู้ยากไร้ ให้มีอาชีพเสริมด้วยการผลิตงานศิลปาชีพ อันได้แก่ งานช่างฝีมือด้านศิลปะหัตถกรรมพื้นบ้าน ดังนั้นศูนย์ศิลปาชีพ บางไทรฯ จึงมีโครงการที่จะอนุรักษ์และพัฒนาทั้งด้านฝีมือและศิลปะหัตถกรรมพื้นบ้านให้ดีขึ้น นอกจากเป็นแหล่งผลิตแล้ว ศูนย์ศิลปาชีพ บางไทรฯ ยังเป็นแหล่งจำหน่ายและสาธิตงานศิลปาชีพของผู้เข้ารับการฝึกอบรม รวมทั้งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเพื่อเผยแพร่ศิลปะและวัฒนธรรมไทย เป็นที่พักผ่อนห้ความรู้ความบันเทิงและความภาคภูมิใจของชาวไทย ทั้งเป็นที่ประทับใจของชาวต่างชาติ  ศิลปะเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับมนุษย์มาเป็นเวลานาน การสร้างสรรค์ผลงานทางศิลปะนับเป็นการถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดของมนุษย์ ง...

พิพิธภัณฑ์บนโลกออนไลน์

ONLINE MUSEUM - Remembering Scotland at war (พิพิธภัณฑ์ออนไลน์เกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 2) นิทรรศการ ถือเป็นสื่อการเรียนรู้ประเภทหนึ่ง ที่มีลักษณะเป็นสื่อผสม โดยใช้วิธีการนำเอาเนื้อหาสาระหรือความรู้มานำเสนอไว้ให้ผู้ชมได้รับชมเพื่อสร้างทั้งความรู้และความเพลิดเพลิน ซึ่งปัจจุบันนิทรรศกาออนไลน์ เป็นเครื่องมือการสื่อสารที่ได้รับความสนใจ และมีบทบาทมากขึ้นทุกขณะ ทั้งในด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์ ธุรกิจ สังคม การเมือง อุตสาหกรรม การแพทย์ สาธารณสุข และอื่นๆ  เสน่ห์ของนิทรรศการออนไลน์อยู่ที่ความพิเศษ ที่สามารถถ่ายทอดความเป็นไปต่างๆ ของสิ่งที่ต้องการแสดง ให้ผู้ชมได้เห็น ได้เข้าใจอย่างแจ่มชัด รวดเร็ว และเพลิดเพลินด้วย ทั้งยังเป็นที่รวมของความก้าวหน้า อันจะเป็นแนว ปฏิบัติในการเผชิญกับปัญหาต่างๆ พร้อมทั้งเห็นทางแก้ไขด้วย ซึ่งนิทรรศการออนไลน์นับว่าเป็นสื่อการเรียนรู้นอกห้องเรียนชนิดหนึ่ง ที่จะช่วยให้ผู้เรียนได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบตัว ตามความสนใจ ยกตัวอย่างที่นำมาให้เรียนรู้กันในที่นี้คือ "พิพิธภัณฑ์ออนไลน์เกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 2" ONLINE MUSEUM - Remembering Scotland at war...

เพียงชั่วขณะที่เราไม่เข้าใจตัวเอง...

สิ่งที่ทำร้ายตัวเรามากที่สุดนั่นก็คือ "ตัวเราเอง" ทุกวันนี้เราก้าวพ้นหลายๆสิ่งได้แต่ไม่สามารถเอาชนะใจตนเองได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว การที่บอกให้ตัวเองทำอย่างนู้นทำอย่างนี้ แต่ก็ไม่สามารถทำได้เลย จนต้องมีวิธีบังคับใจตัวเอง ช่วงนี้เกิดอาการแบบ...เฮ้อ ฉันเบื่อจังเลย ไม่อยากจะทำอะไรเลยซักอย่าง หมดไฟแล้ว แต่อีกใจก็คิดว่าขืนเป็นแบบนี้ต่อไปชีวิตล่มจมแน่ๆ ต้องปลุกตัวเองให้ตื่น แต่ก็ทำไม่ได้เลย ซังกะตายไปวันๆ  วันหนึ่งใช้ชีวิตไปแบบไร้สาระมาก จนหมดวันก็ทบทวนว่าทั้งวันนี่ทำอะไรลงไปบ้าง มีประโยชน์ไหม ตอบเลยว่า "ไม่"  ก่อนหน้านี้มันมีงานหลายๆ อย่างเข้ามาวนเวียนจนวุ่นวาย ชีวิตมีเวลาพักผ่อนน้อยมาก จนตอนนี้มันรู้สึกเบื่อหน่ายกับทุกอย่างที่เข้ามา อย่างวันนี้มีโทรศัพท์เข้ามาแต่เช้า   7-8 สาย บอกเลยไม่ได้รับเลยแม้แต่สายเดียว เพราะไม่อยากจะรับรู้อะไรทั้งสิ้น ทุกครั้งที่มีโทรศัพท์เข้ามา คือ มีงานนั่นนู้นนี่ให้ทำ หรือไม่ก็เกิดเหตุที่ทำให้ต้องใช้ความคิดอย่างมาก  อยากไปใช้ชีวิตที่สงบ อยู่เงียบๆ คนเดียวซักพัก ช่วงนี้จิตใจว้าวุ่นเกินทน สติแตกก็ว่าได้ บังคับความคิดตัวเองไม่ได้ อยากปิดเท...

เพียงชั่วขณะที่เราเผลอลืมใจ...

ความรู้สึกที่อธิบายเป็นคำสั้นๆ ค่อนข้างยาก นอนคิดทุกคืนว่า ทุกวันนี้ใช้ชีวิตอย่างไม่มีเป้าหมาย อยากให้ชีวิตจบลงเร็วๆ รู้สึกเหนื่อยหน่ายกับทุกสิ่ง ช่วงเวลาที่เราทำงาน เราเรียน เราก็สนุกนะ แต่พอมันผ่านพ้นไปทำไมมันรู้สึกแบบเฉยๆ มันถึงจุดที่ว่าเราเรียนรู้ความรู้สึกคนอื่นจนพอจะเข้าใจแล้วว่า ชีวิตมนุษย์ก็เป็นแบบนี้ เกิดขึ้น มีอยู่ ดับไป มีความรัก โลภ โกรธ หลง ก็เกิดขึ้นกับทุกคน จนพอมาตั้งคำถามกับตัวเองว่าเรารู้สึกอย่างไร ณ ช่วงเวลาหนึ่งๆ แต่กลับไม่สามารถตอบตัวเองได้ ยิ่งถ้ามีใครมาถามว่า เป็นยังไงบ้าง ... ส่วนใหญ่ที่ตอบออกไป "ก็ดีนะ,ไม่รู้สิ,เฉยๆ,โอเค" อันที่จริงมันรู้สึกมากกว่านั้นแต่ไม่รู้จะอธิบายไปเพื่ออะไร เราก็มีความคิดของเรา เรารู้สึกคนเดียวก็เพียงพอแล้วประมาณนั้น  อันที่จริงก็เป็นเด็กเก็บกดพอสมควร เพราะเวลามีปัญหาก็ไม่อยากจะเอาไประบายกับใคร แม้กระทั่งคนในครอบครัว บ่อยครั้งเห็นครอบครัวคนอื่นเค้าอบอุ่นก็อิจฉา อนาคตจะใช้ชีวิตอยู่อย่างไรก็ไม่รู้เหมือนกัน หรือเพราะชอบคิดกังวลไปคนเดียว หรือจะคาดหวังไว้สูง และก็พอรู้ว่าเป็นไปไม่ได้แน่ๆ คนเราก็มีสิ่งที่คาดหวังเหมือนกัน แต่จะมีซั...

บีซอก???

บีซอก = บล๊อกสี่ (ผวนถูกรึเปล่าก็ไม่รู้แฮะ)  บทความนี้เป็นบทความดินพอกหางหมู หมูอ้วนมากด้วย ว่าด้วยเรื่อง "หลักการออกแบบสื่อสิ่งพิมพ์" ภาพสื่อสิ่งพิมพ์ข้างบนมาจากภาพยนตร์เรื่อง FOR COLORED GIRLS ว่าด้วยเรื่องราวดราม่าๆ ของผู้หญิงผิวสีหลากหลายคนที่ชีวิตของพวกเธอไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด! ตัวหนังดัดแปลงมาจากบทละครเวทีของ Ntozake Shange ส่วนเนื้อหาโดยละเอียดลองเสิร์จชื่อในกูเกิ้ลดูเด้อ  เค้าบอกให้หาสิ่งพิมพ์ที่ได้รับรางวัลมา แต่อันนี้ไม่ได้รับรางวัลอะไรทั้งนั้น  แต่ถ้าเป็นรางวัลจากเจ้าของบล๊อกก็ว่าไปอย่าง รางวัลใจ ฮ่าๆๆ ประเด็นหลักน่าจะอยู่ที่หลักการออกแบบมากกว่า ชอบวิธีการออกแบบก็เลยนำมาให้ดูกัน  หลักการออกแบบสื่อสิ่งพิมพ์เท่าที่ไปหาข้อมูลมา มีอยู่ 4 หัวข้อหลักได้แก่ เรื่องความสมดุล จังหวะ การเน้น และความเป็นเอกภาพ  เรื่องความสมดุล โปสเตอร์นี้ ถือว่าทำได้ดี เพราะจัดภาพและตัวอักษรอยู่ตรงกลางหมดเลย สมดุลดีแท้ รึใครว่าไม่สมดุล ดูสิๆ  เรื่องจังหวะ น่าจะเป็นช่องไฟ ก็เท่ากันนะ ดีเลยทีเดียว สวยอะ  เรื่องของการเน้น อันนี้ยิ่งเห็...

@Curve Mood!!!

Design by imoofern photo  คำเตือน!!! < บทความนี้แฝงไปด้วยอารมณ์ โปรดใช้วิจารณญาณส่วนบุคคล > อันนี้จำโจทย์โดยรวมไม่ได้นะว่าอาจารย์ให้เขียนความรู้สึก หรือสิ่งที่ได้รับ หรืออะไรบางอย่างเกี่ยวกับการทำนิตยสารนี่แหละ เอาเป็นว่าจะเล่าตั้งแต่นานนมนู้นนนน ย้อนไปเมื่อประมาณ 3-4 เดือนก่อน มีการจับกลุ่มทำงาน วิธีการจับกลุ่มทำงานใช้วิธีจับสลาก โดยแบ่งเฮดหลักออกมาก่อนทั้งหมดเก้ากลุ่ม เห็นด้วยกับการจับกลุ่มแบบนี้ มันแฟร์มากๆ งานที่ต้องทำก็มีพรีเซนต์(โปรเจกต์รอง) มีทำนิตยสาร(โปรเจกต์หลัก) ซึ่งงานทั้งหมดต้องใช้กระบวนการทำงานกลุ่ม หรือทีมเวิร์คนั่นเอง มันไม่สำคัญเลยว่ากลุ่มไหนมีคนเก่งมากๆ กลุ่มนั้นจะดี แต่สำคัญตรงที่ความเชื่อใจกันและกันมากกว่า เราจะไม่เรียกว่ากลุ่ม แต่เราคือทีม ทีมยีราฟ อันนี้ลิตเติ้ลซีเค (เจ๊ขวัญ) เป็นคนตั้ง การทำงานเป็นทีมสอนอะไรเราหลายอย่าง แต่นึกตอนนี้ก็นึกไม่ออก เดี๋ยวค่อยๆ เล่าไปแล้วกัน ความรู้สึกแรกๆ คือ ประทับใจในการเอาใจใส่งานของทุกคน ตั้งแต่งานแรก เพื่อนๆก็จะถามกัน คุยกันว่าทำอะไรดี ใครทำหน้าที่อะไรบ้าง หมูเฟิร์นมักจะเป็นคนที่คอยถามเสมอว่า เฮ้ย......

บทเพลงสะท้อนความรู้สึก

เพียงสิ่งเดียว-VERTICAL MIND เคยไหมที่ฟังเพลงแล้วรู้สึกคิดถึงเรื่องราวในวันเก่า หลายบทเพลงก็ทำให้คิดถึงช่วงเวลาที่แตกต่างกัน บางเพลงก็คิดถึงช่วงที่เศร้าที่สุดในชีวิต บางเพลงก็ทำให้คิดถึงช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิต  ระหว่างความสุขกับความทุกข์เราเลือกที่จะจดจำช่วงไหนมากกว่ากัน? ระหว่างความสุขกับความทุกข์เราอยากเผชิญกับช่วงไหนมากกว่ากัน? แต่ระหว่างความสุขกับความทุกข์เราเลือกไม่ได้ที่จะลืมมัน... "แต่ชีวิตก็ไม่ได้จบลงแค่ตรงนี้ ล้มมาแล้วให้เป็นบทเรียน" (ช่วงหนึ่งในบทเพลง) อยากชื่นชมทั้งคนแต่งเพลงและคนที่ถ่ายทอดมันออกมา อาจจะบอกไม่ได้ว่าเพราะหรือไม่ สำหรับบางคนอาจจะมองว่าไม่เพราะ สำหรับบางคนอาจจะมองว่าเพราะ แต่บอกได้แค่ว่าชอบหรือไม่ชอบ บทเพลงนี้เราไม่ได้ตีความเฉพาะเรื่องของความรักระหว่างหนุ่ม สาวเท่านั้น แต่อาจจะหมายถึงใครๆ รอบตัวเรา ที่ครั้งหนึ่งเราอาจเคยทำผิดพลาดต่อเขา เมื่อเวลาผ่านไปมันจะกลายเป็นบทเรียนสำคัญ อีกหนึ่งสิ่ง คือ เรื่องของเวลา เวลาจะเป็นตัวช่วยให้อะไรหลายๆ อย่างดีขึ้น ขอให้อดทนกับความทุกข์หรืออุปสรรคที่เกิดขึ้นในชีวิต ...

มองมุมกลับ = ปรับมุมมอง อย่างนั้นหรือ?

เรื่องของความคิดหรือเหตุผลส่วนบุคคล หลายคนคงจะรู้กันดีว่ามนุษย์ทุกคนบนโลกใบนี้มีความแตกต่างกันทางความคิดอยู่แล้ว แต่เราก็ไม่ค่อยจะเรียนรู้หรือทำความเข้าใจกับเรื่องพวกนี้ซักเท่าไหร่ ประมาณว่าเอาใจเขามาใส่ใจเรา เรามักจะยึดความรู้สึกของตนเองเป็นที่ตั้ง เช่น ถ้าเราไม่พอใจอะไรบางอย่าง ก็จะเกิดอาการบ่งบอกว่าเราไม่พอใจสิ่งนี้นะ เราไม่ชอบสิ่งนี้นะ หรือบางคนอาจจะเกิดคำที่เรียกว่า "อคติ" ไปเลยก็มี  การที่เรายึดตัวเองเป็นที่ตั้งมันก็บ่งบอกถึงความเห็นแก่ตัวอย่างหนึ่ง แต่ก็แน่นอนเรื่องการเห็นแก่ตัวมันเกิดขึ้นกับทุกคนอยู่แล้ว มีหนังสือเล่มหนึ่ง กล่าวเปรียบเทียบความเห็นแก่ตัวไว้ว่า "มีพ่อลูกอยู่คู่หนึ่ง นั่งอยู่ใต้ต้นไม้ แล้วบังเอิญงูตกมาบนตักของพ่อและลูกคู่นั้นพร้อมๆ กัน ความเห็นแก่ตัวในที่นี้คือ พ่อเลือกที่จะปัดงูบนหน้าตักของตัวเองก่อน แทนที่จะปัดงูตัวที่ตกบนตักลูก" ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เราเลือกที่จะปกป้องตัวเราเองก่อนเสมอ ก็เลยไม่อยากให้คิดว่า เวลาที่มีใครมาบอกเราว่า เราเป็นคนเห็นแก่ตัว จะหมายความว่าเราเป็นคนไม่ดี แต่อยากให้เราคิดเพียงว่า เราต้องเลิกยึดติดกับความคิ...

Questions & Answers

"ทำไม" คำนี้ได้ยินอยู่บ่อยครั้งไม่ว่าจะมาจากที่อื่นหรือแม้กระทั่งเสียงความคิดของตัวเอง  วันนี้มีคนมาบอกว่าฉันเป็นคนอย่างนั้น ฉันเป็นคนอย่างนี้ ฉันก็คิดว่า ทำไมเค้าถึงคิดแบบนั้น เค้าถึงคิดแบบนี้ หรือนี่อาจจะเป็นลักษณะของมนุษย์ผู้ช่างสงสัย เพราะสิ่งหนึ่งที่มนุษย์ต่างจากสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ในโลกนี้คือความช่างคิด ช่างสงสัยนี่เอง  สมมติว่า เราสงสัยอะไรบางอย่าง หรือเกิดคำถามหนึ่งขึ้นมาในใจ เราก็เกิดกระบวนการคิดแล้วว่าจะหาคำตอบได้อย่างไร ซึ่งวิธีการหาคำตอบของบุคคลนั้นก็หลากหลายแตกต่างกันไป ตามลักษณะของบุคคล บางคนก็ใช้วิธีการค้นหา สืบค้น ค้นคว้า สอบถาม หรือบางคนใช้การพินิจ พิเคราะห์เอาเอง ประหนึ่งว่ามีคำตอบอยู่ภายในจิตใจแล้ว ถามเอง ตอบเองประมาณนั้น  เคยเป็นไหมเวลาที่เราถามใครๆ แล้วเค้าให้คำตอบเรามา เรามักจะคิดว่า มันใช่ มันดี และเห็นด้วยกับสิ่งที่คนอื่นคิด อนึ่ง..คำถามที่เราถามใครๆไปข้างต้น เราอาจจะไม่มีคำตอบอยู่ภายในจิตใจ แต่แค่อยากจะรู้ว่าคนอื่นเค้าคิดกันยังไง คำตอบที่ได้มันก็เลยใช่  และเคยเป็นไหมเวลาที่เราถามใครๆไป คำตอบที่ได้มันกลับไม่ใช่ และเราก็ไม่เห็นด้วย ...

essay @ curve issue01

วันดีคืนดีเราเจอแหล่งในการเผยแพร่ผลงานที่ใหม่ ก็ฝากแนะนำสำหรับผู้ที่ติดตามบล๊อกนี้อยู่  เพราะเมื่อก่อนเคยเผยแพร่ผลงานทางเฟสบุ๊คแล้วรู้สึกว่าสื่อนี้ไปเร็วเหลือเกิน เกินจนตามไม่ทัน  ก็ทดลองหาที่เผยแพร่ผลงานที่ใหม่ เจอ Tumblr.com รู้สึกว่ามันใช้การได้ดีทีเดียว  ก็ยังไงลองติดตามกันดู  ผลงานชุดแรกที่โพสไปต้องขอขอบคุณพี่อาร์มมากๆ ที่กรุณามาเป็นนายแบบให้ ตัวนี้เป็นกล้องแคนดิด ซึ่งกล้องหลักอยู่ที่ Imoofern photo (รับถ่ายภาพทุกชนิด ค้นหาเพจได้ที่ facebook) งานที่ไปถ่ายและนำมาให้ดูนี้เพื่อประกอบนิตยสารเล่มแรกชื่อว่า @curve  หมายเหตุ ภาพที่ดูอยู่นี้ไม่สามารถเผยแพร่ในนิตยสารได้ @curve จะเป็นนิตยสารเกี่ยวกับวัยรุ่น วัยทดลอง วัยที่ค้นหาคำตอบ ก็คงคล้ายๆกับนิตยสารวัยรุ่นทั่วไป มีเกี่ยวกับปรัชญาชีวิต แนวความคิด คอลัมน์สัมภาษณ์บุคคล ไลฟ์สไตล์ในปัจจุบัน ฯลฯ แต่จุดสำคัญหรือสิ่งที่เราพยายามจะสื่อให้มีความแตกต่างก็คงเกี่ยวกับการคิดนอกกรอบ  "คิดนอกกรอบ" มันคืออะไร คนที่มีความคิดนอกกรอบมันเป็นยังไง ชีวิตนอกกรอบมันแตกต่างจากชีวิตปกติยังไง อันนี้เป็น...

ตัณหา

เกิดมาหนึ่งชีวิตได้เรียนรู้อะไรมากมาย เมื่อเวลาล่วงไปหลายสิ่งถูกสั่งสม โตขึ้นเรื่อยๆ มีเรื่องให้คิดขึ้นเรื่อยๆ คนเราโตมาจะมีนิสัยอย่างไร ล้วนมาจากสภาพแวดล้อมและการเลี้ยงดูเมื่อตอนเด็ก มันก็จริงอย่างว่า คนที่ได้รับความอบอุ่น ความเอาใจใส่จะมีลักษณะนิสัยแบบหนึ่ง คนที่ขาดความอบอุ่นก็จะมีลักษณะนิสัยอีกแบบหนึ่ง ครั้นจะให้ไปเล่าเรื่องของคนอื่นก็คงไม่ถนัดนัก สิ่งที่จะเล่าได้ดีที่สุด เป็นธรรมชาติที่สุด คงไม่พ้นเรื่องตัวเอง ตั้งแต่เกิดจนถึงเก้าขวบรู้สึกว่าตัวเองจะเป็นเด็กที่พร้อม พร้อมด้วยความรัก ความอบอุ่น หรือสิ่งของรอบกาย แต่หลังจากแม่เสียไปไม่นาน ชีวิตของทุกคนในครอบครัวก็เปลี่ยนแปลงไปอีกแบบ เหมือนจะมีแต่ความทุกข์ เกิดปัญหาอยู่บ่อยครั้ง สำหรับตัวเองแล้ว ในวัยที่กำลังจะขึ้นมัธยมต้น มีความรู้สึกว่าตัวเองใจร้อน ไม่ค่อยใส่ใจความรู้สึกคนรอบข้าง ประมาณเด็กมีปัญหาประมาณนั้น มีปัญหาทุกเรื่อง แม้แต่เรื่องที่ไม่น่าเป็นปัญหายังทำให้เป็น แต่ก็ใช้ชีวิตมาเรื่อยจนขึ้นมัธยมปลาย ชีวิตก็เปลี่ยนไปอีก กลายเป็นคนเงียบขรึม ประมาณเด็กเก็บกด เวลามีปัญหาไม่มีใครรู้เลยซักคน วิธีหาทางออกนั้นหรือ คือ เล่นเกมส์ ตอนนี...

เรื่องมันนานมาแล้ว

ก็...มีการบ้าน มีงาน อาจารย์สั่ง ประมาณนั้น แต่ก็เลยกำหนดมาหลายเดือนแล้ว ด้วยหลากหลายเหตุผลแล้วแต่ผู้คนจะตีความ เหตุหนึ่งที่ไม่เขียน ณ ตอนนั้นคือไม่อยากเขียน เขียนไม่ออก แต่ ณ ตอนนี้อยากเขียน อยากเล่า อยากแชร์ ... "อิทธิพลของสื่อสิ่งพิมพ์" และเช้าวันหนึ่งเดินทางไปมหาวิทยาลัย ต้องเดินทางโดยรถไฟฟ้า bts มีคนยืนแจกหนังสือพิมพ์ฟรีอยู่ ก็เลยรับมาและอ่าน อ่าน อ่าน เมื่อก่อนยังจำได้ สมัยที่หนังสือพิมพ์นี้แจกฟรีช่วงแรกๆ เฮ้ยหนังสือพิมพ์ฉบับนี้เจ๋งมาก ให้ความรู้กับประชาชน ไม่เสียตังค์อีกต่างหาก นับถือผู้ผลิตเลย ใจดีชะมัดเลย แต่ทุกวันนี้หนังสือพิมพ์ฉบับนั้นแทบจะมีแต่โฆษณา บางทีมาแจกฟรียังไม่อยากจะรับ โฆษณามาทีงี้ เต็มหน้ากันเลยทีเดียว ที่กล่าวไปข้างต้นนั่นมันเป็นอิทธิพลของสื่อสิ่งพิมพ์กับการโฆษณาประชาสัมพันธ์นะ แน่นอนว่าสื่อสิ่งพิมพ์ไหนที่มีผู้บริโภคเยอะสื่อสิ่งพิมพ์นั้นก็จะเป็นที่หมายตาสำหรับองค์กร ธุรกิจต่างๆ สงสัยเพื่อความอยู่รอดด้วยมั้ง เพราะดูสมัยนี้แล้วผู้คนไม่ค่อยซื้อหนังสืออ่านกันเท่าไหร่ อ่านฟรีตามร้านบ้าง อ่านตามร้านกาแฟบ้าง อ่านบนโลกออนไลน์บ้าง ตัวเราเองก็เป็นเมื่อก่อนเ...

ใจเขา..ใจเรา

ภาพนี้เขื่อนอาจจะสูงแค่ 90 ซม. แต่ความเป็นจริงเป็นอย่างไรมิอาจทราบได้ ต่างที่ ต่างสถานะ ต่างมุมมอง  เรามีชีวิตอยู่ในสังคม เราชอบอะไร เราไม่ชอบอะไร บางครั้งเราแสดงออกมาโดยตรง บางครั้งก็เก็บความรู้สึกเหล่านั้นไว้ เมื่อมีใครทำให้เราไม่พอใจ เราไม่จำเป็นต้องไปตักเตือนหรือว่ากล่าวใคร เพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงหลายสิ่งๆในตัวคนอื่น เพราะยังไงตัวตนของเขาก็ยังเป็นตัวตนของเขาอยู่วันยังค่ำ แต่ถ้าสมมติว่าวันหนึ่งเหตุการณ์ซ้ำร้ายเกิดขึ้นกับตัวของเขาบ้าง เขาจะรู้สึกสำนึกในทุกคำพูดและทุกการกระทำของตัวเอง จนเกิดความรู้สึกเสียใจ และพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตัวเอง  เหตุการณ์หลายๆ อย่างในรอบสัปดาห์นี้สอนให้ฉันรู้ว่า การเติบโตเป็นผู้ใหญ่ต้องระมัดระวังทุกคำพูด ทุกการกระทำ ต้องทบทวนและรู้จักตักเตือนตนเองอยู่ตลอดเวลา ไม่เทียวจับผิดผู้อื่น เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง จนวันหนึ่งต้องมาเจอกับตัวเอง ก็เลยได้ข้อคิด ได้แนวทางหลายๆอย่าง เช่น  1. การที่เรารับรู้ข้อมูลข่าวสาร สภาวะความเป็นอยู่ของผู้อื่นมาจนเกินไป (เสือกในโลกออนไลน์) ทำให้เราลืมที่จะใส่ใจความรู้สึกแ...

คิดมาก

ไม่มีใครห้ามความคิดใครได้ แม้แต่ตัวเราเอง บ่อยครั้งที่มีความรู้สึกว่าเกลียดความคิดตัวเอง เหมือนว่ายิ่งเราโตขึ้น เป็นผู้ใหญ่ขึ้น เราต้องระมัดระวังความคิดของเราให้ดี  เพราะถ้าหากความคิดเราออกมาเป็นคำพูดหรือให้ผู้อื่นรับรู้แล้ว มันจะเกิดเป็นประเด็นใหญ่ทีเดียว ทั้งที่เราอาจจะไม่อยากให้มันเป็นประเด็น แต่เราก็ไม่สามารถห้ามความคิดหรือการตีความของผู้อื่นได้ การใช้ชีวิตอยู่ในสังคมทุกวันนี้ก็ต้องระมัดระวังตัวเองตลอดเวลา ระมัดระวังเรื่อง คำพูด การกระทำ ฯลฯ ที่มันจะส่งผลกระทบต่อชีวิตการทำงาน การดำเนินชีวิตของเรา  เหตุหนึ่งที่หนีมาเขียนบทความในบล๊อก เพราะเรื่องของการตีความนั่นแหละ เคยอัพสเตตัสในเฟสบุ๊คแล้วมันเกิดปัญหาอยู่บ่อยครั้ง ไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตนี้จะต้องมาเสียเพื่อน พี่ น้อง เพราะเฟสบุ๊ค เสียในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าล้มหาย ตายจากกัน แต่หมายถึง เสียความรู้สึกดีดีที่มีต่อกันมากกว่า หรืออาจเพราะเราคิดมากไปเอง ทุกวันนี้ถ้าไม่มีงานหรืออะไรที่สำคัญก็อยากจะปิดบัญชีเฟสบุ๊คไปเลย เวลาเจอหน้ากันจะได้ไม่ตอแหลใส่กัน เคยเป็นไหม อยู่...

นิทาน บทหนึ่งในชีวิต

มีเรื่องเล่ามากมายที่ฉันอยากจะเล่า  บางเรื่องเกิดขึ้นกับตัว บางเรื่องเกิดกับคนใกล้ตัว เรื่องนี้สอนให้รู้จักกับคำว่า เพื่อน.. เพื่อนในนิยามของแต่ละคนก็อาจจะแตกต่างกันไป สำหรับฉัน เพื่อนคือ ใครซักคน คนที่รู้จักกัน คุยกันหรือ อาจหมายถึงเพื่อนร่วมโลกหรือเพื่อนร่วมอุดมการณ์ คือคนที่ชอบอะไรเหมือนกัน แต่บางคนก็ชอบอะไรต่างกัน แต่จะมีซักกี่คนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเพื่อนสนิทหรือเพื่อนตาย เพื่อนตายไม่จำเป็นต้องตายแทนกันนะ  แต่แค่รู้สึกว่าจะเป็นเพื่อนกันไปจนวันตายก็พอ  ฉันไม่รู้ว่าความสนิทสนมจะต้องได้รับการยินยอมทั้งสองฝ่ายหรือไม่ เหมือนเวลาคนจะเป็นแฟนกันมันต้องบอกว่า เธอเป็นแฟนฉันนะ ฉันเป็นแฟนเธอนะ ในกรณีเพื่อนก็อาจจะบอกว่า เธอคือเพื่อนสนิทฉัน ฉันคือเพื่อนสนิทเธอ แต่ในความเป็นจริงกรณีเพื่อน มันไม่มีใครมาพูดแบบนี้นะสิ บางทีฉันก็คิดไปเองว่าฉันสนิทกับคนนี้ แต่เค้าอาจจะไม่ได้คิดอย่างเรา เพื่อนสนิทคือคนที่คุยกันได้ทุกเรื่องอย่างนั้นหรือ  เพื่อนสนิทคือคนที่ไปไหนมาไหนด้วยกันอย่างนั้นหรือ แต่สำหรับฉันมันไม่ใช่ เพราะกับบางคนยิ่งสนิทกันมากเท่าไหร่ ...

ปีใหม่ไปเลย...

เมื่อได้เวลากลับบ้าน ฉันมักจะตื่นเต้นและรู้สึกดีใจเสมอ และยิ่งดีใจมากที่จะได้กลับบ้านเกิด คือ จ.เลย เพราะที่แห่งนี้ฉันไม่ได้กลับมาเป็นระยะเวลา 2 ปีเศษ ตั้งแต่เริ่มเรียนมหาวิทยาลัย ต้องไปอยู่องครักษ์ ต้องย้ายเข้ากรุงเทพ ตลอดช่วงเวลาปิดเทอมฉันก็จะกลับบ้านที่ จ.อุทัยธานี เพราะระยะทางและเวลาในการเดินทางนั้นสั้นกว่า จ.เลย มาก    กลับมาปีนี้รู้สึกถึงอะไรหลายๆอย่างเปลี่ยนแปลงไป มีบ้านใหม่เกิดขึ้นหลายหลัง รถดูเยอะขึ้นจากเดิม ผู้คนดูเติบโต เด็กโตเป็นวัยรุ่น คนแก่ที่เคยรู้จักหลายคนก็จากไป คนวัยทำงานก็หนีหายไปทำงานในเมืองใหญ่ แต่เมื่อถึงช่วงเวลาปีใหม่หลายบ้านก็ครึกครื้นขึ้น  กลับมาบ้านคราวนี้วางแผนไว้ว่าจะไปเที่ยวให้สะใจ กินของที่อยากกิน เพราะตั้งแต่อยู่ที่กรุงเทพฯ รู้สึกอึดอัดมาก อาจด้วยอุณหภูมิหรือสภาพแวดล้อมต่างๆ ได้เวลาพักผ่อนก็ต้องเก็บเกี่ยวให้เต็มที่ ส่วนแผนอีกอย่างคือ ถ่ายภาพไปฝากเพื่อนๆที่กรุงเทพฯ เพราะอยากให้เพื่อนๆรู้จักบ้านเกิดของฉัน เพราะที่นี่สวยงามมาก มีแหล่งท่องเที่ยวเยอะ อาหารอร่อย ไปดูกันดีกว่ามีอะไรมั่ง  ของกิน มาถึงบ้านวันแรกก็จัดของอร...