ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

พิพิธภัณฑ์บนโลกออนไลน์


ONLINE MUSEUM - Remembering Scotland at war
(พิพิธภัณฑ์ออนไลน์เกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 2)

นิทรรศการ ถือเป็นสื่อการเรียนรู้ประเภทหนึ่ง ที่มีลักษณะเป็นสื่อผสม โดยใช้วิธีการนำเอาเนื้อหาสาระหรือความรู้มานำเสนอไว้ให้ผู้ชมได้รับชมเพื่อสร้างทั้งความรู้และความเพลิดเพลิน ซึ่งปัจจุบันนิทรรศกาออนไลน์ เป็นเครื่องมือการสื่อสารที่ได้รับความสนใจ และมีบทบาทมากขึ้นทุกขณะ ทั้งในด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์ ธุรกิจ สังคม การเมือง อุตสาหกรรม การแพทย์ สาธารณสุข และอื่นๆ เสน่ห์ของนิทรรศการออนไลน์อยู่ที่ความพิเศษ ที่สามารถถ่ายทอดความเป็นไปต่างๆ ของสิ่งที่ต้องการแสดง ให้ผู้ชมได้เห็น ได้เข้าใจอย่างแจ่มชัด รวดเร็ว และเพลิดเพลินด้วย ทั้งยังเป็นที่รวมของความก้าวหน้า อันจะเป็นแนว ปฏิบัติในการเผชิญกับปัญหาต่างๆ พร้อมทั้งเห็นทางแก้ไขด้วย


ซึ่งนิทรรศการออนไลน์นับว่าเป็นสื่อการเรียนรู้นอกห้องเรียนชนิดหนึ่ง ที่จะช่วยให้ผู้เรียนได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบตัว ตามความสนใจ ยกตัวอย่างที่นำมาให้เรียนรู้กันในที่นี้คือ "พิพิธภัณฑ์ออนไลน์เกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 2" ONLINE MUSEUM - Remembering Scotland at war เป็นนิทรรศการที่ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ณ ประเทศสกอตแลนด์ โดยให้ขอมูลอย่างละเอียดไม่ว่าจะเป็นสถานที่, คนและรูปแบบของสงคราม และแต่ละหน้าเพจของนิทรรศการจะมีการเก็บรวบรวมรายการที่เกี่ยวข้องรวมทั้งเล่าประวัติศาสตร์, สารสกัดจากไดอารี่, บทความในหนังสือพิมพ์ ภาพถ่ายฟิล์ม เอกสารภาพวาดและวัตถุที่ใช้ในการถ่ายภาพ เป็นต้น 



หน้าแรกเมื่อเราคลิกเยี่ยมชมนิทรรศการ ประหนึ่งเหมือนเรากำลังเดินเข้าสู่พิพิธภัณฑ์นั้น
เมื่อเราเริ่มเข้าสู่พิพิธภัณฑ์ จะมีเนื้อหาหรือเรื่องราวที่เราสนใจอยากรู้แบ่งเป็นหมวดหมู่ไว้
หรือแบ่งตามสถานที่ที่เกิดเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์


และเมื่อเราคลิกเข้าไปในเรื่องที่เราสนใจ ก็จะมีข้อมูลทางประวัติศาสตร์ทั้งที่เป็นลายลักษณ์อักษร 
ภาพถ่ายทางประวัติศาสตร์ เอกสารทางประวัติศาสตร์ เสียงบันทึกของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ หรือคลิปวิดีโอสารคดีสั้นๆ ช่วยให้เราเข้าถึงเหตุการณ์นั้นได้ หรือเรียนรู้เรื่องราวทางประวัติศาสตร์โดยที่ไม่ต้องไปถึงประเทศสกอตแลนด์ 




หากใครสนใจเรื่องราวทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 2 สามารถไปศึกษาเรียนรู้ได้ที่ http://www.rememberingscotlandatwar.org.uk/online-museum 

หลังจากที่ได้ค้นคว้าหาความรู้เกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้ว เรายังได้รับประสบการณ์ทางอ้อมเหมือนเราได้เดินทางไปยังพิพิธภัณฑ์นั้น หรือได้ย้อนเวลากลับไปยังสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 จริงๆ การจัดนิทรรศการออนไลน์นี้ เป็นวิธีการนำเสนอองค์ความรู้ที่ใช้กุศโลบายอันแยบยล ในการกระตุ้นให้ผู้ชมเกิดความสนใจใคร่รู้ในเรื่องราวสาระ และแนวความคิด ทั้งยังเป็นเป็นวิธีที่สามารถสร้างโอกาสของการเห็นการรับชมได้ง่าย เป็นอัตโนมัติ มีประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และการเรียนรู้บางอย่างที่เราอาจจะไม่มีโอกาสเข้าถึง 

ความคาดหวังอยากจะให้ประเทศไทยของเรามีนิทรรศการออนไลน์เพิ่มมากขึ้นกว่านี้ ที่สามารถให้เนื้อหาความรู้แบบครบถ้วนเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ หรือภูมิปัญญาท้องถิ่น ฯลฯ ที่ช่วยสืบสานวัฒนธรรม ประเพณี ประกอบกับการสร้างองค์ความรู้อย่างยั่งยืนช่วยพัฒนาการเรียนรู้และพัฒนาการศึกษาของประเทศไทย ก็คงดีมิใช่น้อย... 


ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.rememberingscotlandatwar.org.uk/

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Questions & Answers

"ทำไม" คำนี้ได้ยินอยู่บ่อยครั้งไม่ว่าจะมาจากที่อื่นหรือแม้กระทั่งเสียงความคิดของตัวเอง  วันนี้มีคนมาบอกว่าฉันเป็นคนอย่างนั้น ฉันเป็นคนอย่างนี้ ฉันก็คิดว่า ทำไมเค้าถึงคิดแบบนั้น เค้าถึงคิดแบบนี้ หรือนี่อาจจะเป็นลักษณะของมนุษย์ผู้ช่างสงสัย เพราะสิ่งหนึ่งที่มนุษย์ต่างจากสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ในโลกนี้คือความช่างคิด ช่างสงสัยนี่เอง  สมมติว่า เราสงสัยอะไรบางอย่าง หรือเกิดคำถามหนึ่งขึ้นมาในใจ เราก็เกิดกระบวนการคิดแล้วว่าจะหาคำตอบได้อย่างไร ซึ่งวิธีการหาคำตอบของบุคคลนั้นก็หลากหลายแตกต่างกันไป ตามลักษณะของบุคคล บางคนก็ใช้วิธีการค้นหา สืบค้น ค้นคว้า สอบถาม หรือบางคนใช้การพินิจ พิเคราะห์เอาเอง ประหนึ่งว่ามีคำตอบอยู่ภายในจิตใจแล้ว ถามเอง ตอบเองประมาณนั้น  เคยเป็นไหมเวลาที่เราถามใครๆ แล้วเค้าให้คำตอบเรามา เรามักจะคิดว่า มันใช่ มันดี และเห็นด้วยกับสิ่งที่คนอื่นคิด อนึ่ง..คำถามที่เราถามใครๆไปข้างต้น เราอาจจะไม่มีคำตอบอยู่ภายในจิตใจ แต่แค่อยากจะรู้ว่าคนอื่นเค้าคิดกันยังไง คำตอบที่ได้มันก็เลยใช่  และเคยเป็นไหมเวลาที่เราถามใครๆไป คำตอบที่ได้มันกลับไม่ใช่ และเราก็ไม่เห็นด้วย ...

@Curve Mood!!!

Design by imoofern photo  คำเตือน!!! < บทความนี้แฝงไปด้วยอารมณ์ โปรดใช้วิจารณญาณส่วนบุคคล > อันนี้จำโจทย์โดยรวมไม่ได้นะว่าอาจารย์ให้เขียนความรู้สึก หรือสิ่งที่ได้รับ หรืออะไรบางอย่างเกี่ยวกับการทำนิตยสารนี่แหละ เอาเป็นว่าจะเล่าตั้งแต่นานนมนู้นนนน ย้อนไปเมื่อประมาณ 3-4 เดือนก่อน มีการจับกลุ่มทำงาน วิธีการจับกลุ่มทำงานใช้วิธีจับสลาก โดยแบ่งเฮดหลักออกมาก่อนทั้งหมดเก้ากลุ่ม เห็นด้วยกับการจับกลุ่มแบบนี้ มันแฟร์มากๆ งานที่ต้องทำก็มีพรีเซนต์(โปรเจกต์รอง) มีทำนิตยสาร(โปรเจกต์หลัก) ซึ่งงานทั้งหมดต้องใช้กระบวนการทำงานกลุ่ม หรือทีมเวิร์คนั่นเอง มันไม่สำคัญเลยว่ากลุ่มไหนมีคนเก่งมากๆ กลุ่มนั้นจะดี แต่สำคัญตรงที่ความเชื่อใจกันและกันมากกว่า เราจะไม่เรียกว่ากลุ่ม แต่เราคือทีม ทีมยีราฟ อันนี้ลิตเติ้ลซีเค (เจ๊ขวัญ) เป็นคนตั้ง การทำงานเป็นทีมสอนอะไรเราหลายอย่าง แต่นึกตอนนี้ก็นึกไม่ออก เดี๋ยวค่อยๆ เล่าไปแล้วกัน ความรู้สึกแรกๆ คือ ประทับใจในการเอาใจใส่งานของทุกคน ตั้งแต่งานแรก เพื่อนๆก็จะถามกัน คุยกันว่าทำอะไรดี ใครทำหน้าที่อะไรบ้าง หมูเฟิร์นมักจะเป็นคนที่คอยถามเสมอว่า เฮ้ย......
ดึกแล้วยังไม่นอนอีกเหรอ? ไปนอนได้แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นสาย! ทำไมชอบนอนดึกจัง? และอีกหลายๆคำถามเมื่อทุกคนพบฉันยังออนไลน์เมื่อตี 3 ตี 4 และตี 5 แต่พอถึง 6 โมงเช้า หลายคนก็จะบอกว่า ตื่นเช้าจัง...ฮ่าๆๆ มีหลายคนสงสัยนะว่าฉันทำอะไร ไม่หลับไม่นอนซักที เวลาที่ฉันอยู่บ้านนอกฉันก็นอนเวลาปกตินะ อาจจะนอนเร็วกว่าคนทั่วไปด้วยซ้ำ แต่พอมาอยู่กรุงเทพฯ ฉันกลับชอบเวลาดึกแบบนี้ มันเงียบสงัด มันไร้ซึ่งเสียงรบกวน มันเป็นเวลาที่ความคิดฉันกระฉูด อ๊าาาา ฮ่าๆๆๆ ช่วงเวลากลางวันคุณก็รู้ดีว่ากรุงเทพฯ มันน่ารำคาญขนาดไหน เสียงผู้คนและวัตถุนิยมรบกวนการคิดของฉัน โดยเฉพาะเสียงจากวัตถุนิยมมันส่งเสียงดังจนกลบเสียงธรรมชาติไปซะหมด คุณจะเชื่อไหมว่าเวลาตี 3-4 โดยประมาณ ฉันมักจะได้ยินเสียงกบ เสียงจิ้งหรีด เสียงกระรอกหรือแม้กระทั่งเสียงลมพัด ทั้งๆที่อยู่กรุงเทพฯ หรือเพราะที่ฉันอยู่ยังพอมีต้นไม้และพื้นดินอยู่บ้าง จะว่าไปกรุงเทพก็เริ่มหาพื้นดินและต้นไม้ยากขึ้นทุกวัน มีแต่คอนโดติดแอร์ แต่ถ้าวันรุ่งขึ้นมีเรียนเช้าละก็ มีเสียวแน่ เพราะต้องลุ้นว่าจะไปเรียนทันอาจารย์เข้ารึเปล่า ฮ่าๆๆ เมื่อก่อนฉันตื่นเช้าไปเรียนทันเวลาต...