ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เพียงชั่วขณะที่เราเผลอลืมใจ...

ความรู้สึกที่อธิบายเป็นคำสั้นๆ ค่อนข้างยาก นอนคิดทุกคืนว่า ทุกวันนี้ใช้ชีวิตอย่างไม่มีเป้าหมาย อยากให้ชีวิตจบลงเร็วๆ รู้สึกเหนื่อยหน่ายกับทุกสิ่ง ช่วงเวลาที่เราทำงาน เราเรียน เราก็สนุกนะ แต่พอมันผ่านพ้นไปทำไมมันรู้สึกแบบเฉยๆ มันถึงจุดที่ว่าเราเรียนรู้ความรู้สึกคนอื่นจนพอจะเข้าใจแล้วว่า ชีวิตมนุษย์ก็เป็นแบบนี้ เกิดขึ้น มีอยู่ ดับไป มีความรัก โลภ โกรธ หลง ก็เกิดขึ้นกับทุกคน จนพอมาตั้งคำถามกับตัวเองว่าเรารู้สึกอย่างไร ณ ช่วงเวลาหนึ่งๆ แต่กลับไม่สามารถตอบตัวเองได้ ยิ่งถ้ามีใครมาถามว่า เป็นยังไงบ้าง ... ส่วนใหญ่ที่ตอบออกไป "ก็ดีนะ,ไม่รู้สิ,เฉยๆ,โอเค" อันที่จริงมันรู้สึกมากกว่านั้นแต่ไม่รู้จะอธิบายไปเพื่ออะไร เราก็มีความคิดของเรา เรารู้สึกคนเดียวก็เพียงพอแล้วประมาณนั้น 

อันที่จริงก็เป็นเด็กเก็บกดพอสมควร เพราะเวลามีปัญหาก็ไม่อยากจะเอาไประบายกับใคร แม้กระทั่งคนในครอบครัว บ่อยครั้งเห็นครอบครัวคนอื่นเค้าอบอุ่นก็อิจฉา อนาคตจะใช้ชีวิตอยู่อย่างไรก็ไม่รู้เหมือนกัน หรือเพราะชอบคิดกังวลไปคนเดียว หรือจะคาดหวังไว้สูง และก็พอรู้ว่าเป็นไปไม่ได้แน่ๆ คนเราก็มีสิ่งที่คาดหวังเหมือนกัน แต่จะมีซักกี่คนที่จะรู้ว่าสิ่งที่คาดหวังนั้นไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน มีคำพูดส่งต่อมาว่า เป้าหมายอยู่ไม่ไกลหากเราตั้งใจ ก็พอจะรู้ว่าถ้าเราตั้งใจจริงอะไรก็ทำได้หมด เพราะเราเคยผ่านมันมาแล้ว แต่ครั้งนี้มันยากเกินความตั้งใจของเราจริงๆ แม้แค่คิดก็ผิดแล้ว ผิดจนเกลียดความคิดตัวเอง เกลียดตัวเองด้วย แต่ก็ยังจะคิดอยู่บ่อยๆ มันเลยรู้สึกอึดอัด อธิบายไม่ถูก แต่ถ้ามีคนมาถามว่า คิดจะทำอะไร ทำไมต้องเครียดมากมายขนาดนี้ และทำไมถึงคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ ไม่ขอตอบใครทั้งนั้น อยากจะปล่อยให้มันเป็นเพียงความคิดชั่ววูบ ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป และพยายามจะข่มใจว่า เลิกคิดซักที 

พอเราระบายความรู้สึกเสร็จเราก็เริ่มจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติมนุษย์ แล้วก็นึกขำกับความคิดเพียงชั่ววูบของตน ช่วงที่ไปทำงานเจอคำสอนหนึ่งประมาณว่า "จิตใจมนุษย์มีทั้งชั่วและดี อยู่ที่ว่าเราจะสามารถข่มใจให้ทำแต่เรื่องที่ดีได้หรือไม่" จิตใจก็เหมือนความคิดนั่นแหละ ความคิดเรามีทั้งเรื่องดีเรื่องเลวปะปนกันไป แต่เราก็ต้องข่มใจตนเองว่าเรื่องไหนที่ไม่ดีก็อย่าทำเท่านั้นเอง แต่ก็คิดกังวลไปว่า หากวันหนึ่งเราไม่สามารถควบคุมมันได้มันก็คงแย่พอสมควร วันหนึ่งเราบอกว่าเกลียด อีกวันเราบอกว่ารัก วันหนึ่งเรารู้สึกโกรธ อีกวันเราให้อภัย มันก็คงเป็นเรื่องปกติแหละมั้ง แต่ถ้ามันบ่อยและถี่เกินไปก็คงรับมือกับความคิดตัวเองไม่ไหว มันเหนื่อย... 

อยู่กรุงเทพฯ นอกห้องผู้คนมากมาย / อยู่กรุงเทพฯ ในห้องโดดเดี่ยวและอ้างว้าง / รู้สึกเบื่อกับการใช้ชีวิตที่นี่ ตอนนี้ นี่ขนาดกลับบ้านบ่อยทุกสัปดาห์ยังรู้สึกขนาดนี้ ถ้าไม่ได้กลับบ้านเลยคงเป็นโรคประสาทซะแล้วกระมัง สงสัยทำชีวิตตัวเองให้ไม่ปกติมันเลยไม่ปกติ หลับข้ามวันคืน ตื่นข้ามคืนวัน คนปกติในช่วงเวลา 24 ชม. ก็คงแบ่งเวลาประมาณ เรื่องเรียน,ทำงาน(8) เรื่องพักผ่อน(8) เรื่องส่วนตัว(8 ) ประมาณนี้แหละ แต่นี่กลับทำนั่นนู้นนี่ คิดเรื่อยเปื่อย เพ้อเจอไปวันๆ 24 ชม. เต็ม แล้วก็พักผ่อนอีกวัน เกือบ 24 ชม. เต็มๆ เช่นเดียวกัน คนอื่นเค้าใช้ชีวิต 1 วัน = 24 ชม. แต่เรากลับใช้ชีวิต 1 วัน = 48 ชม. 

ไม่รู้จะจบบทนี้อย่างไร เอาเป็นว่าเลิกเพ้อเจ้อแล้วไปนอนซะ แม้จะนอนไม่หลับและคิดมากก็ตาม...

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Questions & Answers

"ทำไม" คำนี้ได้ยินอยู่บ่อยครั้งไม่ว่าจะมาจากที่อื่นหรือแม้กระทั่งเสียงความคิดของตัวเอง  วันนี้มีคนมาบอกว่าฉันเป็นคนอย่างนั้น ฉันเป็นคนอย่างนี้ ฉันก็คิดว่า ทำไมเค้าถึงคิดแบบนั้น เค้าถึงคิดแบบนี้ หรือนี่อาจจะเป็นลักษณะของมนุษย์ผู้ช่างสงสัย เพราะสิ่งหนึ่งที่มนุษย์ต่างจากสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ในโลกนี้คือความช่างคิด ช่างสงสัยนี่เอง  สมมติว่า เราสงสัยอะไรบางอย่าง หรือเกิดคำถามหนึ่งขึ้นมาในใจ เราก็เกิดกระบวนการคิดแล้วว่าจะหาคำตอบได้อย่างไร ซึ่งวิธีการหาคำตอบของบุคคลนั้นก็หลากหลายแตกต่างกันไป ตามลักษณะของบุคคล บางคนก็ใช้วิธีการค้นหา สืบค้น ค้นคว้า สอบถาม หรือบางคนใช้การพินิจ พิเคราะห์เอาเอง ประหนึ่งว่ามีคำตอบอยู่ภายในจิตใจแล้ว ถามเอง ตอบเองประมาณนั้น  เคยเป็นไหมเวลาที่เราถามใครๆ แล้วเค้าให้คำตอบเรามา เรามักจะคิดว่า มันใช่ มันดี และเห็นด้วยกับสิ่งที่คนอื่นคิด อนึ่ง..คำถามที่เราถามใครๆไปข้างต้น เราอาจจะไม่มีคำตอบอยู่ภายในจิตใจ แต่แค่อยากจะรู้ว่าคนอื่นเค้าคิดกันยังไง คำตอบที่ได้มันก็เลยใช่  และเคยเป็นไหมเวลาที่เราถามใครๆไป คำตอบที่ได้มันกลับไม่ใช่ และเราก็ไม่เห็นด้วย ...

@Curve Mood!!!

Design by imoofern photo  คำเตือน!!! < บทความนี้แฝงไปด้วยอารมณ์ โปรดใช้วิจารณญาณส่วนบุคคล > อันนี้จำโจทย์โดยรวมไม่ได้นะว่าอาจารย์ให้เขียนความรู้สึก หรือสิ่งที่ได้รับ หรืออะไรบางอย่างเกี่ยวกับการทำนิตยสารนี่แหละ เอาเป็นว่าจะเล่าตั้งแต่นานนมนู้นนนน ย้อนไปเมื่อประมาณ 3-4 เดือนก่อน มีการจับกลุ่มทำงาน วิธีการจับกลุ่มทำงานใช้วิธีจับสลาก โดยแบ่งเฮดหลักออกมาก่อนทั้งหมดเก้ากลุ่ม เห็นด้วยกับการจับกลุ่มแบบนี้ มันแฟร์มากๆ งานที่ต้องทำก็มีพรีเซนต์(โปรเจกต์รอง) มีทำนิตยสาร(โปรเจกต์หลัก) ซึ่งงานทั้งหมดต้องใช้กระบวนการทำงานกลุ่ม หรือทีมเวิร์คนั่นเอง มันไม่สำคัญเลยว่ากลุ่มไหนมีคนเก่งมากๆ กลุ่มนั้นจะดี แต่สำคัญตรงที่ความเชื่อใจกันและกันมากกว่า เราจะไม่เรียกว่ากลุ่ม แต่เราคือทีม ทีมยีราฟ อันนี้ลิตเติ้ลซีเค (เจ๊ขวัญ) เป็นคนตั้ง การทำงานเป็นทีมสอนอะไรเราหลายอย่าง แต่นึกตอนนี้ก็นึกไม่ออก เดี๋ยวค่อยๆ เล่าไปแล้วกัน ความรู้สึกแรกๆ คือ ประทับใจในการเอาใจใส่งานของทุกคน ตั้งแต่งานแรก เพื่อนๆก็จะถามกัน คุยกันว่าทำอะไรดี ใครทำหน้าที่อะไรบ้าง หมูเฟิร์นมักจะเป็นคนที่คอยถามเสมอว่า เฮ้ย......
ดึกแล้วยังไม่นอนอีกเหรอ? ไปนอนได้แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นสาย! ทำไมชอบนอนดึกจัง? และอีกหลายๆคำถามเมื่อทุกคนพบฉันยังออนไลน์เมื่อตี 3 ตี 4 และตี 5 แต่พอถึง 6 โมงเช้า หลายคนก็จะบอกว่า ตื่นเช้าจัง...ฮ่าๆๆ มีหลายคนสงสัยนะว่าฉันทำอะไร ไม่หลับไม่นอนซักที เวลาที่ฉันอยู่บ้านนอกฉันก็นอนเวลาปกตินะ อาจจะนอนเร็วกว่าคนทั่วไปด้วยซ้ำ แต่พอมาอยู่กรุงเทพฯ ฉันกลับชอบเวลาดึกแบบนี้ มันเงียบสงัด มันไร้ซึ่งเสียงรบกวน มันเป็นเวลาที่ความคิดฉันกระฉูด อ๊าาาา ฮ่าๆๆๆ ช่วงเวลากลางวันคุณก็รู้ดีว่ากรุงเทพฯ มันน่ารำคาญขนาดไหน เสียงผู้คนและวัตถุนิยมรบกวนการคิดของฉัน โดยเฉพาะเสียงจากวัตถุนิยมมันส่งเสียงดังจนกลบเสียงธรรมชาติไปซะหมด คุณจะเชื่อไหมว่าเวลาตี 3-4 โดยประมาณ ฉันมักจะได้ยินเสียงกบ เสียงจิ้งหรีด เสียงกระรอกหรือแม้กระทั่งเสียงลมพัด ทั้งๆที่อยู่กรุงเทพฯ หรือเพราะที่ฉันอยู่ยังพอมีต้นไม้และพื้นดินอยู่บ้าง จะว่าไปกรุงเทพก็เริ่มหาพื้นดินและต้นไม้ยากขึ้นทุกวัน มีแต่คอนโดติดแอร์ แต่ถ้าวันรุ่งขึ้นมีเรียนเช้าละก็ มีเสียวแน่ เพราะต้องลุ้นว่าจะไปเรียนทันอาจารย์เข้ารึเปล่า ฮ่าๆๆ เมื่อก่อนฉันตื่นเช้าไปเรียนทันเวลาต...