ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เพียงชั่วขณะที่เราไม่เข้าใจตัวเอง...

สิ่งที่ทำร้ายตัวเรามากที่สุดนั่นก็คือ "ตัวเราเอง" ทุกวันนี้เราก้าวพ้นหลายๆสิ่งได้แต่ไม่สามารถเอาชนะใจตนเองได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว การที่บอกให้ตัวเองทำอย่างนู้นทำอย่างนี้ แต่ก็ไม่สามารถทำได้เลย จนต้องมีวิธีบังคับใจตัวเอง ช่วงนี้เกิดอาการแบบ...เฮ้อ ฉันเบื่อจังเลย ไม่อยากจะทำอะไรเลยซักอย่าง หมดไฟแล้ว แต่อีกใจก็คิดว่าขืนเป็นแบบนี้ต่อไปชีวิตล่มจมแน่ๆ ต้องปลุกตัวเองให้ตื่น แต่ก็ทำไม่ได้เลย ซังกะตายไปวันๆ  วันหนึ่งใช้ชีวิตไปแบบไร้สาระมาก จนหมดวันก็ทบทวนว่าทั้งวันนี่ทำอะไรลงไปบ้าง มีประโยชน์ไหม ตอบเลยว่า "ไม่" 

ก่อนหน้านี้มันมีงานหลายๆ อย่างเข้ามาวนเวียนจนวุ่นวาย ชีวิตมีเวลาพักผ่อนน้อยมาก จนตอนนี้มันรู้สึกเบื่อหน่ายกับทุกอย่างที่เข้ามา อย่างวันนี้มีโทรศัพท์เข้ามาแต่เช้า   7-8 สาย บอกเลยไม่ได้รับเลยแม้แต่สายเดียว เพราะไม่อยากจะรับรู้อะไรทั้งสิ้น ทุกครั้งที่มีโทรศัพท์เข้ามา คือ มีงานนั่นนู้นนี่ให้ทำ หรือไม่ก็เกิดเหตุที่ทำให้ต้องใช้ความคิดอย่างมาก 

อยากไปใช้ชีวิตที่สงบ อยู่เงียบๆ คนเดียวซักพัก ช่วงนี้จิตใจว้าวุ่นเกินทน สติแตกก็ว่าได้ บังคับความคิดตัวเองไม่ได้ อยากปิดเทอมเร็วๆ และหาที่วิปัสสนาอาจจะช่วยได้ 

ลองวิเคราะห์ดูแล้วมองไปข้างตัว มีสมาร์ทโฟนวางอยู่ เจ้าสิ่งนี้แหละที่ทำสติหาย หรือมีส่วนทำให้สติหายเกิน 50% แน่นอน อยากจะขว้างทิ้งเหลือเกิน(ความคิด) วางได้ไม่เกิน 3 นาทีหรอก จับขึ้นมาเล่นอีกแล้ว ก่อนจะนอนก็เล่น ตื่นนอนก็เล่น เดินทางก็เล่น เรียนก็เล่น ชีวิตวันๆ อยู่แต่กับไอ้นี่แหละ ก็คิดอยู่ว่าหลังสามทุ่มจะปิดเครื่องและพักผ่อนอย่างสบายใจ แต่เราก็ต้องใช้นาฬิกาปลุกอยู่ดี ก็ปิดไม่ได้และเล่นทุกเวลาตามเคย โลกยุควัตถุนิยมนั้นอยู่ยาก อยู่ลำบาก หากปรับตัวไม่เป็น แบ่งเวลาไม่ได้ แต่ทุกอย่างนั้นขึ้นอยู่กับใจเราเอง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับวัตถุเลย ทำใจให้เหนือวัตถไม่ใช่ให้วัตถุครอบงำจิตใจ จนทำอะไรไม่ได้ มองไปข้างหน้ามีหนังสือหลายเล่มที่ยังไม่ได้อ่าน หยิบมันขึ้นมาและปล่อยตัวเองไปในโลกแห่งจินตนาการ หนีจากโลกวุ่นวายไลน์เด้งซัก 2 ชม. ดีกว่าเรา...

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Questions & Answers

"ทำไม" คำนี้ได้ยินอยู่บ่อยครั้งไม่ว่าจะมาจากที่อื่นหรือแม้กระทั่งเสียงความคิดของตัวเอง  วันนี้มีคนมาบอกว่าฉันเป็นคนอย่างนั้น ฉันเป็นคนอย่างนี้ ฉันก็คิดว่า ทำไมเค้าถึงคิดแบบนั้น เค้าถึงคิดแบบนี้ หรือนี่อาจจะเป็นลักษณะของมนุษย์ผู้ช่างสงสัย เพราะสิ่งหนึ่งที่มนุษย์ต่างจากสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ในโลกนี้คือความช่างคิด ช่างสงสัยนี่เอง  สมมติว่า เราสงสัยอะไรบางอย่าง หรือเกิดคำถามหนึ่งขึ้นมาในใจ เราก็เกิดกระบวนการคิดแล้วว่าจะหาคำตอบได้อย่างไร ซึ่งวิธีการหาคำตอบของบุคคลนั้นก็หลากหลายแตกต่างกันไป ตามลักษณะของบุคคล บางคนก็ใช้วิธีการค้นหา สืบค้น ค้นคว้า สอบถาม หรือบางคนใช้การพินิจ พิเคราะห์เอาเอง ประหนึ่งว่ามีคำตอบอยู่ภายในจิตใจแล้ว ถามเอง ตอบเองประมาณนั้น  เคยเป็นไหมเวลาที่เราถามใครๆ แล้วเค้าให้คำตอบเรามา เรามักจะคิดว่า มันใช่ มันดี และเห็นด้วยกับสิ่งที่คนอื่นคิด อนึ่ง..คำถามที่เราถามใครๆไปข้างต้น เราอาจจะไม่มีคำตอบอยู่ภายในจิตใจ แต่แค่อยากจะรู้ว่าคนอื่นเค้าคิดกันยังไง คำตอบที่ได้มันก็เลยใช่  และเคยเป็นไหมเวลาที่เราถามใครๆไป คำตอบที่ได้มันกลับไม่ใช่ และเราก็ไม่เห็นด้วย ...

@Curve Mood!!!

Design by imoofern photo  คำเตือน!!! < บทความนี้แฝงไปด้วยอารมณ์ โปรดใช้วิจารณญาณส่วนบุคคล > อันนี้จำโจทย์โดยรวมไม่ได้นะว่าอาจารย์ให้เขียนความรู้สึก หรือสิ่งที่ได้รับ หรืออะไรบางอย่างเกี่ยวกับการทำนิตยสารนี่แหละ เอาเป็นว่าจะเล่าตั้งแต่นานนมนู้นนนน ย้อนไปเมื่อประมาณ 3-4 เดือนก่อน มีการจับกลุ่มทำงาน วิธีการจับกลุ่มทำงานใช้วิธีจับสลาก โดยแบ่งเฮดหลักออกมาก่อนทั้งหมดเก้ากลุ่ม เห็นด้วยกับการจับกลุ่มแบบนี้ มันแฟร์มากๆ งานที่ต้องทำก็มีพรีเซนต์(โปรเจกต์รอง) มีทำนิตยสาร(โปรเจกต์หลัก) ซึ่งงานทั้งหมดต้องใช้กระบวนการทำงานกลุ่ม หรือทีมเวิร์คนั่นเอง มันไม่สำคัญเลยว่ากลุ่มไหนมีคนเก่งมากๆ กลุ่มนั้นจะดี แต่สำคัญตรงที่ความเชื่อใจกันและกันมากกว่า เราจะไม่เรียกว่ากลุ่ม แต่เราคือทีม ทีมยีราฟ อันนี้ลิตเติ้ลซีเค (เจ๊ขวัญ) เป็นคนตั้ง การทำงานเป็นทีมสอนอะไรเราหลายอย่าง แต่นึกตอนนี้ก็นึกไม่ออก เดี๋ยวค่อยๆ เล่าไปแล้วกัน ความรู้สึกแรกๆ คือ ประทับใจในการเอาใจใส่งานของทุกคน ตั้งแต่งานแรก เพื่อนๆก็จะถามกัน คุยกันว่าทำอะไรดี ใครทำหน้าที่อะไรบ้าง หมูเฟิร์นมักจะเป็นคนที่คอยถามเสมอว่า เฮ้ย......
ดึกแล้วยังไม่นอนอีกเหรอ? ไปนอนได้แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นสาย! ทำไมชอบนอนดึกจัง? และอีกหลายๆคำถามเมื่อทุกคนพบฉันยังออนไลน์เมื่อตี 3 ตี 4 และตี 5 แต่พอถึง 6 โมงเช้า หลายคนก็จะบอกว่า ตื่นเช้าจัง...ฮ่าๆๆ มีหลายคนสงสัยนะว่าฉันทำอะไร ไม่หลับไม่นอนซักที เวลาที่ฉันอยู่บ้านนอกฉันก็นอนเวลาปกตินะ อาจจะนอนเร็วกว่าคนทั่วไปด้วยซ้ำ แต่พอมาอยู่กรุงเทพฯ ฉันกลับชอบเวลาดึกแบบนี้ มันเงียบสงัด มันไร้ซึ่งเสียงรบกวน มันเป็นเวลาที่ความคิดฉันกระฉูด อ๊าาาา ฮ่าๆๆๆ ช่วงเวลากลางวันคุณก็รู้ดีว่ากรุงเทพฯ มันน่ารำคาญขนาดไหน เสียงผู้คนและวัตถุนิยมรบกวนการคิดของฉัน โดยเฉพาะเสียงจากวัตถุนิยมมันส่งเสียงดังจนกลบเสียงธรรมชาติไปซะหมด คุณจะเชื่อไหมว่าเวลาตี 3-4 โดยประมาณ ฉันมักจะได้ยินเสียงกบ เสียงจิ้งหรีด เสียงกระรอกหรือแม้กระทั่งเสียงลมพัด ทั้งๆที่อยู่กรุงเทพฯ หรือเพราะที่ฉันอยู่ยังพอมีต้นไม้และพื้นดินอยู่บ้าง จะว่าไปกรุงเทพก็เริ่มหาพื้นดินและต้นไม้ยากขึ้นทุกวัน มีแต่คอนโดติดแอร์ แต่ถ้าวันรุ่งขึ้นมีเรียนเช้าละก็ มีเสียวแน่ เพราะต้องลุ้นว่าจะไปเรียนทันอาจารย์เข้ารึเปล่า ฮ่าๆๆ เมื่อก่อนฉันตื่นเช้าไปเรียนทันเวลาต...