ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ทัศนศึกษา ณ "สวนงู สถานเสาวภา สภากาชาดไทย"

เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2556 นิสิตเอกเทคโนโลยีสื่อสารการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ 
ได้มีโอกาสไปทัศนศึกษา ณ สวนงู สถานเสาวภา สภากาชาดไทย โดยเป็นกิจกรรมหนึ่งในรายวิชา FIELD STUDY ซึ่งการศึกษาในรายวิชานี้จะช่วยให้นิสิตได้เกิดกระบวนการเรียนรู้ที่หลากหลายและทักษะในการทำงานร่วมกันเป็นทีม เพราะในการไปทัศนศึกษานั้นนิสิตจะเป็นผู้จัดการ ประสานงาน และวางแผนงานเองทุกขั้นตอน 

ในภาคการศึกษาที่ 2 ปี 2556 นี้ นิสิตของวิชาเอกเราได้จัดแบ่งกลุ่มออกเป็น 4 กลุ่ม 
และจัดการทัศนศึกษาจำนวน 4 แห่ง โดยแห่งแรกที่พวกเราได้ไปทัศนศึกษากัน คือ 
สวนงู สถานเสาวภา สภากาชาดไทย ผู้เขียนจึงได้นำภาพการไปทัศนศึกษาครั้งนี้
มาให้ชมกันว่าจะสนุกสนานและน่าตื่นเต้นเพียงใด 

วันนั้นเพื่อนๆ นัดกันประมาณ 8 โมงเช้าได้ 
จากภาพ ขณะเดินเท้าจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินสามย่านไปยังสวนงู แสงแดดยามเช้าช่างอบอุ่น

สองสาวแวะถ่ายภาพกัน ณ หน้าสภากาชาด
(ทริปนี้สองคนนี้มีหลายภาพมาก เพราะผู้เขียนเดินตามหลังสองคนนี้ตลอด ฮ่าๆๆๆ)

เพื่อนๆ ที่เดินทางมาถึงก่อนแล้วกำลังลงทะเบียน

เมื่อลงทะเบียนเสร็จแล้วก็ทำแบบทดสอบก่อนการทัศนศึกษาเรียนรู้ 
เพื่อประเมินความรู้ก่อนการทัศนศึกษา


เพื่อนๆ เริ่มมากันเยอะแล้ว

สองพิธีกรคู่หูผู้นำทีมในการทัศนศึกษาครั้งนี้ 

ด้านหน้าทางเข้าสวนงู

ชี้แจงกิจกรรมและแบ่งกลุ่ม คู่หูสองคนนี้เอนเตอร์เทนเก่งมาก 

เริ่มสาธิตการโชว์จับงูชนิดต่างๆ และอธิบายให้ความรู้เกี่ยวกับงูชนิดต่างๆ ในประเทศไทย
(ผู้เขียนถ่ายภาพตอนที่เจ้าหน้าที่สาธิตการจับงูมาไม่มากเพราะมัวแต่นั่งลุ้น 
ลุ้นขนาดไหนลองดูจากภาพด้านล่างได้ ) 
vvv

นี่เพื่อนของผู้เขียนเอง ลุ้นมาก ฮ่าๆๆ




ลงไปถ่ายภาพคู่กับงูเป็นที่ระทึก เย้ย!! ระลึก :P 
ดูจากหน้าตาแต่ละคนน่าจะสนุกและตื่นเต้นกันมาก ^^

หลังจากนั้นก็มีกิจกรรมการแข่งขันล่างู เย้ย!! ไม่ใช่ละแฮะๆ เป็นกิจกรรมแข่งขันหาคำตอบเพื่อรอเวลาการแสดงสาธิตการรีดพิษงู เพราะการแสดงจัดเป็นรอบๆ จึงมีกิจกรรมคั่นเวลาพวกเราจึงได้เข้าไปยังส่วนที่จัดแสดงนิทรรศการมีความรู้เกี่ยวกับงูชนิดต่างๆ มีงูของจริง มีงูตายแล้ว มีงูหิว มีงูนอน และอีกสารพัดงูเลย หากใครสนใจสามารถไปชมกันได้ ขอบอกว่าดีมาก ต้องไปดูให้เห็นเองกับตานะจะบอกให้




การสาธิตการรีดพิษงู




เฉลยกิจกรรมตอบคำถามและมอบของรางวัล

ต้องขอขอบคุณกลุ่มเพื่อนที่จัดกิจกรรมให้พวกเราในครั้งนี้ นั่นก็คือ
ปุ๊ย,ปุ๊ย,จักร,พิงกี้,ดรีม,ดรีม,เก่ง,แบ้ง,เอ็ม,เมท,รุท 
(จากภาพบางส่วนคนที่ใส่หมวกรูปงูสีม่วง ลองเดากันดูว่าใครชื่ออะไรกันบ้าง กิกิ)

ต้องขอบอกว่าการไปทัศนศึกษาครั้งนี้สนุกมากและรู้สึกตื่นเต้นตอนเห็นงูจริงๆ ฮ่าๆๆ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมที่หลากหลาย กระชับและได้รับความรู้มากทีเดียว พิธีกรคู่หูก็สร้างบรรยากาศได้ดีมาก และขอขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนที่ได้ไปร่วมทริปด้วยกันครั้งนี้ ยังมีทริปอีกหลายแห่งที่วิชาเอกเราจะจัดขึ้น แล้่วผู้เขียนจะนำภาพมาให้ได้ชมกันอีก...

"การเรียนรู้จากสถานการณ์จริง
จะทำให้เราเติบโตได้อย่างมั่นคง"
คัทรียา.


ขอให้ทุกคนมีความสุขสำหรับปีใหม่นี้
ขอให้สุขภาพแข็งแรง เป็นที่รักของคนรอบข้าง
สุขสันต์วันปีใหม่ 2557

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Questions & Answers

"ทำไม" คำนี้ได้ยินอยู่บ่อยครั้งไม่ว่าจะมาจากที่อื่นหรือแม้กระทั่งเสียงความคิดของตัวเอง  วันนี้มีคนมาบอกว่าฉันเป็นคนอย่างนั้น ฉันเป็นคนอย่างนี้ ฉันก็คิดว่า ทำไมเค้าถึงคิดแบบนั้น เค้าถึงคิดแบบนี้ หรือนี่อาจจะเป็นลักษณะของมนุษย์ผู้ช่างสงสัย เพราะสิ่งหนึ่งที่มนุษย์ต่างจากสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ในโลกนี้คือความช่างคิด ช่างสงสัยนี่เอง  สมมติว่า เราสงสัยอะไรบางอย่าง หรือเกิดคำถามหนึ่งขึ้นมาในใจ เราก็เกิดกระบวนการคิดแล้วว่าจะหาคำตอบได้อย่างไร ซึ่งวิธีการหาคำตอบของบุคคลนั้นก็หลากหลายแตกต่างกันไป ตามลักษณะของบุคคล บางคนก็ใช้วิธีการค้นหา สืบค้น ค้นคว้า สอบถาม หรือบางคนใช้การพินิจ พิเคราะห์เอาเอง ประหนึ่งว่ามีคำตอบอยู่ภายในจิตใจแล้ว ถามเอง ตอบเองประมาณนั้น  เคยเป็นไหมเวลาที่เราถามใครๆ แล้วเค้าให้คำตอบเรามา เรามักจะคิดว่า มันใช่ มันดี และเห็นด้วยกับสิ่งที่คนอื่นคิด อนึ่ง..คำถามที่เราถามใครๆไปข้างต้น เราอาจจะไม่มีคำตอบอยู่ภายในจิตใจ แต่แค่อยากจะรู้ว่าคนอื่นเค้าคิดกันยังไง คำตอบที่ได้มันก็เลยใช่  และเคยเป็นไหมเวลาที่เราถามใครๆไป คำตอบที่ได้มันกลับไม่ใช่ และเราก็ไม่เห็นด้วย ...

@Curve Mood!!!

Design by imoofern photo  คำเตือน!!! < บทความนี้แฝงไปด้วยอารมณ์ โปรดใช้วิจารณญาณส่วนบุคคล > อันนี้จำโจทย์โดยรวมไม่ได้นะว่าอาจารย์ให้เขียนความรู้สึก หรือสิ่งที่ได้รับ หรืออะไรบางอย่างเกี่ยวกับการทำนิตยสารนี่แหละ เอาเป็นว่าจะเล่าตั้งแต่นานนมนู้นนนน ย้อนไปเมื่อประมาณ 3-4 เดือนก่อน มีการจับกลุ่มทำงาน วิธีการจับกลุ่มทำงานใช้วิธีจับสลาก โดยแบ่งเฮดหลักออกมาก่อนทั้งหมดเก้ากลุ่ม เห็นด้วยกับการจับกลุ่มแบบนี้ มันแฟร์มากๆ งานที่ต้องทำก็มีพรีเซนต์(โปรเจกต์รอง) มีทำนิตยสาร(โปรเจกต์หลัก) ซึ่งงานทั้งหมดต้องใช้กระบวนการทำงานกลุ่ม หรือทีมเวิร์คนั่นเอง มันไม่สำคัญเลยว่ากลุ่มไหนมีคนเก่งมากๆ กลุ่มนั้นจะดี แต่สำคัญตรงที่ความเชื่อใจกันและกันมากกว่า เราจะไม่เรียกว่ากลุ่ม แต่เราคือทีม ทีมยีราฟ อันนี้ลิตเติ้ลซีเค (เจ๊ขวัญ) เป็นคนตั้ง การทำงานเป็นทีมสอนอะไรเราหลายอย่าง แต่นึกตอนนี้ก็นึกไม่ออก เดี๋ยวค่อยๆ เล่าไปแล้วกัน ความรู้สึกแรกๆ คือ ประทับใจในการเอาใจใส่งานของทุกคน ตั้งแต่งานแรก เพื่อนๆก็จะถามกัน คุยกันว่าทำอะไรดี ใครทำหน้าที่อะไรบ้าง หมูเฟิร์นมักจะเป็นคนที่คอยถามเสมอว่า เฮ้ย......
ดึกแล้วยังไม่นอนอีกเหรอ? ไปนอนได้แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นสาย! ทำไมชอบนอนดึกจัง? และอีกหลายๆคำถามเมื่อทุกคนพบฉันยังออนไลน์เมื่อตี 3 ตี 4 และตี 5 แต่พอถึง 6 โมงเช้า หลายคนก็จะบอกว่า ตื่นเช้าจัง...ฮ่าๆๆ มีหลายคนสงสัยนะว่าฉันทำอะไร ไม่หลับไม่นอนซักที เวลาที่ฉันอยู่บ้านนอกฉันก็นอนเวลาปกตินะ อาจจะนอนเร็วกว่าคนทั่วไปด้วยซ้ำ แต่พอมาอยู่กรุงเทพฯ ฉันกลับชอบเวลาดึกแบบนี้ มันเงียบสงัด มันไร้ซึ่งเสียงรบกวน มันเป็นเวลาที่ความคิดฉันกระฉูด อ๊าาาา ฮ่าๆๆๆ ช่วงเวลากลางวันคุณก็รู้ดีว่ากรุงเทพฯ มันน่ารำคาญขนาดไหน เสียงผู้คนและวัตถุนิยมรบกวนการคิดของฉัน โดยเฉพาะเสียงจากวัตถุนิยมมันส่งเสียงดังจนกลบเสียงธรรมชาติไปซะหมด คุณจะเชื่อไหมว่าเวลาตี 3-4 โดยประมาณ ฉันมักจะได้ยินเสียงกบ เสียงจิ้งหรีด เสียงกระรอกหรือแม้กระทั่งเสียงลมพัด ทั้งๆที่อยู่กรุงเทพฯ หรือเพราะที่ฉันอยู่ยังพอมีต้นไม้และพื้นดินอยู่บ้าง จะว่าไปกรุงเทพก็เริ่มหาพื้นดินและต้นไม้ยากขึ้นทุกวัน มีแต่คอนโดติดแอร์ แต่ถ้าวันรุ่งขึ้นมีเรียนเช้าละก็ มีเสียวแน่ เพราะต้องลุ้นว่าจะไปเรียนทันอาจารย์เข้ารึเปล่า ฮ่าๆๆ เมื่อก่อนฉันตื่นเช้าไปเรียนทันเวลาต...