ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก มีนาคม, 2013

บีซอก???

บีซอก = บล๊อกสี่ (ผวนถูกรึเปล่าก็ไม่รู้แฮะ)  บทความนี้เป็นบทความดินพอกหางหมู หมูอ้วนมากด้วย ว่าด้วยเรื่อง "หลักการออกแบบสื่อสิ่งพิมพ์" ภาพสื่อสิ่งพิมพ์ข้างบนมาจากภาพยนตร์เรื่อง FOR COLORED GIRLS ว่าด้วยเรื่องราวดราม่าๆ ของผู้หญิงผิวสีหลากหลายคนที่ชีวิตของพวกเธอไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด! ตัวหนังดัดแปลงมาจากบทละครเวทีของ Ntozake Shange ส่วนเนื้อหาโดยละเอียดลองเสิร์จชื่อในกูเกิ้ลดูเด้อ  เค้าบอกให้หาสิ่งพิมพ์ที่ได้รับรางวัลมา แต่อันนี้ไม่ได้รับรางวัลอะไรทั้งนั้น  แต่ถ้าเป็นรางวัลจากเจ้าของบล๊อกก็ว่าไปอย่าง รางวัลใจ ฮ่าๆๆ ประเด็นหลักน่าจะอยู่ที่หลักการออกแบบมากกว่า ชอบวิธีการออกแบบก็เลยนำมาให้ดูกัน  หลักการออกแบบสื่อสิ่งพิมพ์เท่าที่ไปหาข้อมูลมา มีอยู่ 4 หัวข้อหลักได้แก่ เรื่องความสมดุล จังหวะ การเน้น และความเป็นเอกภาพ  เรื่องความสมดุล โปสเตอร์นี้ ถือว่าทำได้ดี เพราะจัดภาพและตัวอักษรอยู่ตรงกลางหมดเลย สมดุลดีแท้ รึใครว่าไม่สมดุล ดูสิๆ  เรื่องจังหวะ น่าจะเป็นช่องไฟ ก็เท่ากันนะ ดีเลยทีเดียว สวยอะ  เรื่องของการเน้น อันนี้ยิ่งเห็...

@Curve Mood!!!

Design by imoofern photo  คำเตือน!!! < บทความนี้แฝงไปด้วยอารมณ์ โปรดใช้วิจารณญาณส่วนบุคคล > อันนี้จำโจทย์โดยรวมไม่ได้นะว่าอาจารย์ให้เขียนความรู้สึก หรือสิ่งที่ได้รับ หรืออะไรบางอย่างเกี่ยวกับการทำนิตยสารนี่แหละ เอาเป็นว่าจะเล่าตั้งแต่นานนมนู้นนนน ย้อนไปเมื่อประมาณ 3-4 เดือนก่อน มีการจับกลุ่มทำงาน วิธีการจับกลุ่มทำงานใช้วิธีจับสลาก โดยแบ่งเฮดหลักออกมาก่อนทั้งหมดเก้ากลุ่ม เห็นด้วยกับการจับกลุ่มแบบนี้ มันแฟร์มากๆ งานที่ต้องทำก็มีพรีเซนต์(โปรเจกต์รอง) มีทำนิตยสาร(โปรเจกต์หลัก) ซึ่งงานทั้งหมดต้องใช้กระบวนการทำงานกลุ่ม หรือทีมเวิร์คนั่นเอง มันไม่สำคัญเลยว่ากลุ่มไหนมีคนเก่งมากๆ กลุ่มนั้นจะดี แต่สำคัญตรงที่ความเชื่อใจกันและกันมากกว่า เราจะไม่เรียกว่ากลุ่ม แต่เราคือทีม ทีมยีราฟ อันนี้ลิตเติ้ลซีเค (เจ๊ขวัญ) เป็นคนตั้ง การทำงานเป็นทีมสอนอะไรเราหลายอย่าง แต่นึกตอนนี้ก็นึกไม่ออก เดี๋ยวค่อยๆ เล่าไปแล้วกัน ความรู้สึกแรกๆ คือ ประทับใจในการเอาใจใส่งานของทุกคน ตั้งแต่งานแรก เพื่อนๆก็จะถามกัน คุยกันว่าทำอะไรดี ใครทำหน้าที่อะไรบ้าง หมูเฟิร์นมักจะเป็นคนที่คอยถามเสมอว่า เฮ้ย......

บทเพลงสะท้อนความรู้สึก

เพียงสิ่งเดียว-VERTICAL MIND เคยไหมที่ฟังเพลงแล้วรู้สึกคิดถึงเรื่องราวในวันเก่า หลายบทเพลงก็ทำให้คิดถึงช่วงเวลาที่แตกต่างกัน บางเพลงก็คิดถึงช่วงที่เศร้าที่สุดในชีวิต บางเพลงก็ทำให้คิดถึงช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิต  ระหว่างความสุขกับความทุกข์เราเลือกที่จะจดจำช่วงไหนมากกว่ากัน? ระหว่างความสุขกับความทุกข์เราอยากเผชิญกับช่วงไหนมากกว่ากัน? แต่ระหว่างความสุขกับความทุกข์เราเลือกไม่ได้ที่จะลืมมัน... "แต่ชีวิตก็ไม่ได้จบลงแค่ตรงนี้ ล้มมาแล้วให้เป็นบทเรียน" (ช่วงหนึ่งในบทเพลง) อยากชื่นชมทั้งคนแต่งเพลงและคนที่ถ่ายทอดมันออกมา อาจจะบอกไม่ได้ว่าเพราะหรือไม่ สำหรับบางคนอาจจะมองว่าไม่เพราะ สำหรับบางคนอาจจะมองว่าเพราะ แต่บอกได้แค่ว่าชอบหรือไม่ชอบ บทเพลงนี้เราไม่ได้ตีความเฉพาะเรื่องของความรักระหว่างหนุ่ม สาวเท่านั้น แต่อาจจะหมายถึงใครๆ รอบตัวเรา ที่ครั้งหนึ่งเราอาจเคยทำผิดพลาดต่อเขา เมื่อเวลาผ่านไปมันจะกลายเป็นบทเรียนสำคัญ อีกหนึ่งสิ่ง คือ เรื่องของเวลา เวลาจะเป็นตัวช่วยให้อะไรหลายๆ อย่างดีขึ้น ขอให้อดทนกับความทุกข์หรืออุปสรรคที่เกิดขึ้นในชีวิต ...

มองมุมกลับ = ปรับมุมมอง อย่างนั้นหรือ?

เรื่องของความคิดหรือเหตุผลส่วนบุคคล หลายคนคงจะรู้กันดีว่ามนุษย์ทุกคนบนโลกใบนี้มีความแตกต่างกันทางความคิดอยู่แล้ว แต่เราก็ไม่ค่อยจะเรียนรู้หรือทำความเข้าใจกับเรื่องพวกนี้ซักเท่าไหร่ ประมาณว่าเอาใจเขามาใส่ใจเรา เรามักจะยึดความรู้สึกของตนเองเป็นที่ตั้ง เช่น ถ้าเราไม่พอใจอะไรบางอย่าง ก็จะเกิดอาการบ่งบอกว่าเราไม่พอใจสิ่งนี้นะ เราไม่ชอบสิ่งนี้นะ หรือบางคนอาจจะเกิดคำที่เรียกว่า "อคติ" ไปเลยก็มี  การที่เรายึดตัวเองเป็นที่ตั้งมันก็บ่งบอกถึงความเห็นแก่ตัวอย่างหนึ่ง แต่ก็แน่นอนเรื่องการเห็นแก่ตัวมันเกิดขึ้นกับทุกคนอยู่แล้ว มีหนังสือเล่มหนึ่ง กล่าวเปรียบเทียบความเห็นแก่ตัวไว้ว่า "มีพ่อลูกอยู่คู่หนึ่ง นั่งอยู่ใต้ต้นไม้ แล้วบังเอิญงูตกมาบนตักของพ่อและลูกคู่นั้นพร้อมๆ กัน ความเห็นแก่ตัวในที่นี้คือ พ่อเลือกที่จะปัดงูบนหน้าตักของตัวเองก่อน แทนที่จะปัดงูตัวที่ตกบนตักลูก" ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เราเลือกที่จะปกป้องตัวเราเองก่อนเสมอ ก็เลยไม่อยากให้คิดว่า เวลาที่มีใครมาบอกเราว่า เราเป็นคนเห็นแก่ตัว จะหมายความว่าเราเป็นคนไม่ดี แต่อยากให้เราคิดเพียงว่า เราต้องเลิกยึดติดกับความคิ...